
5 Effective Ways to motivate yourself to study
5 วิธีกับการค้นหาแรงจูงใจในการเรียนภาษาให้กับตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
Motivation คืออะไร? สำคัญอย่างไร?
Motivation (แรงจูงใจ) คือแรงผลักดันให้มนุษย์มีพฤติกรรมในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยการกำหนดทิศทางและเป้าหมายของพฤติกรรมนั้นด้วย มนุษย์ที่มีแรงจูงใจสูง จะใช้ความพยายามในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบรรลุเป้าหมายอย่างไม่ลดละ แต่ในขณะที่มนุษย์ที่มีแรงจูงใจต่ำจะไม่แสดงพฤติกรรมหรือล้มเลิกการกระทำก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย ซึ่งแรงจูงใจแบ่งได้ 2 ประเภท หลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่
1. แรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) คือแรงจูงใจที่เกิดจากภายในตัวบุคคล เช่น ความคิด ความสนใจ ความตั้งใจ ความต้องการ
2. แรงจูงใจภายนอก (Externsic Motivation) คือแรงจูงใจที่เกิดขึ้นจากการได้รับการกระตุ้นจากสิ่งจูงใจภายนอกตัวบุคคล เช่น เงิน การเลื่อนตำแหน่ง รางวัล คำชม
จากความหมายข้างต้น จึงกล่าวได้ว่า แรงจูงใจนั้นเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ ที่สามารถช่วยให้บรรลุสิ่งต่าง ๆ ได้ตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิต การทำงาน การพักผ่อน หรือแม้กระทั่งการเรียน มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการแรงจูงใจในการกระทำบางสิ่งทั้งสิ้น และแน่นอนว่าสำหรับการเรียนรู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาหรือใดๆก็ตาม ผู้เรียนทุกคนย่อมต้องเคยพบเจอกับอุปสรรคในช่วงเวลาระหว่างการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ก็ตาม
ทุกคนคงจะเคยผ่านช่วงเวลาของการเรียนรู้ที่ยากลำบากหรือบางคนอาจจะกำลังรับมือกับสิ่งนี้อยู่ก็เป็นได้ บางคนอาจจะกำลังคิดว่าการเรียนรู้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย หรือไม่สำคัญกับชีวิต บางคนมีความตั้งใจที่จะพัฒนาตนเอง แต่ก็ล้มเลิกกลางทาง เพราะขาดแรงจูงใจ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “แรงจูงใจ”จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ที่เราไม่ควรจะมองข้าม
“แรงจูงใจในการเรียนรู้ของคนเรามีรากฐานมาจากหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้”
Rory Lazowski, Madison University
5 วิธีที่จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้
ที่ EdusoftX ขอนำเสนอเพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตนได้ ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคในการเรียนรู้ และทำให้การเรียนรู้ของเราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. กำหนดเวลาและรูปแบบการเรียนรู้ในรูปแบบที่เป็นตัวเรา (Set a schedule and plan with your studying style)
การกำหนดการวิธีการเรียนรู้ช่วยให้เกิดแรงผลักดันในการเรียนรู้ได้ เช่น บางคนชอบนั่งเรียนคนเดียวอยู่ในพื้นที่สงบของตนเอง บางคนชอบเรียนด้วยกันเป็นกลุ่มกับเพื่อน ๆ บางคนชอบทำสิ่งที่ยากก่อนจึงค่อยทำสิ่งที่ง่าย ไม่ว่ารูปแบบการเรียนรู้ของเราจะเป็นอย่างไร หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เรากำหนดขึ้นมาตามความชอบหรือความเป็นตัวเรา เราจะสามารถทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย และวิธีนี้จะช่วยให้เราทุกคนสามารถจัดสรรเวลาสำหรับการเรียนหรือการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อเราทำสิ่งนั้นอย่างเป็นนิสัยในทุก ๆ วัน เราจะรู้สึกว่าการเรียนหรือการทำงานนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าเบื่อหน่ายอีกต่อไป และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปในที่สุด
2. กำหนดเป้าหมายที่สามารถทำได้อย่างชัดเจน (Set attainable goals)
หากเรายังไม่รู้ว่าจะกำหนดเป้าหมายของตนเองอย่างไร ลองเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายเล็ก ๆ ไปสู่เป้าหมายใหญ่ เช่น วันนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือให้จบ 1 เรื่อง วันต่อมาเราอาจตั้งเป้าหมายว่าจะต้องอ่านหนังสือจบ 1 เรื่องและทำแบบฝึกหัด 1 บท หรือถ้าตั้งเป้าหมายว่าอยากพัฒนาภาษาอังกฤษโดยการเรียนภาษาผ่านรู้ด้วยตนเอง เราอาจจะเริ่มต้นจากการเรียนทีละ 1 บทเรียนในสัปดาห์แรก แล้วเพิ่มเป็น 2-5 บทเรียนในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป ในช่วงเริ่มต้นในการทำสิ่งใหม่ๆ เรามักรู้สึกว่าทุกอย่างดูยากไปหมด แต่หากเราเริ่มจากเป้าหมายเล็ก ๆ และค่อย ๆ พยายามทำต่อไปเรื่อย ๆ การบรรลุเป้าหมายใหญ่คงจะไม่ยากเกินความสามารถอย่างที่เราเคยคิดอีกต่อไป
3. ปรับเปลี่ยนพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ (Create your perfect study space)
นอกเหนือจากการวางแผนหรือกำหนดเป้าหมายแล้ว การปรับเปลี่ยนหรือจัดพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ให้เหมาะสม เป็นอีกวิธีที่สามารถกระตุ้นแรงจูงในการเรียนหรือทำงานได้ สภาพแวดล้อมมีผลต่อความรู้สึกของเราในเวลาเรียนหรือทำงาน บางคนชอบทำงานเงียบ ๆ ในพื้นที่ของตนเอง การจัดโต๊ะก็มีส่วนช่วยทำให้สภาพแวดล้อมหรือบรรยากาศในพื้นที่ดีขึ้น หรือบางคนอาจจะชอบการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยผู้คน อย่างร้านกาแฟ Co-working Space หรือห้องสมุด เป็นต้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน การได้เห็นผู้คนจดจ่ออยู่กับหนังสือหรืองานของพวกเขา สามารถช่วยให้พวกเราบางคนเกิดแรงจูงใจในการเรียนภาษามากขึ้น และสามารถเรียนหรือทำงานได้อย่างมีสมาธิมากขึ้นอีกด้วย
4. ลงมือทำ! (Just do it!)
สิ่งที่ยากที่สุดคือการเริ่มต้น แต่หากเริ่มทำสิ่งใดแล้วขอให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถทำสิ่งนั้นจนบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน เมื่อเรากำหนดระยะเวลา กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ของตนเอง และปรับเปลี่ยนสถานที่เรียนให้เหมาะสมแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการลงมือทำในสิ่งที่เราได้วางแผนมาแล้วนั่นเอง เช่น ก่อนถึงเวลาเรียนเราอาจใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมสัก 5-10 นาที ทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะถึงเวลาเรียนเพื่อจะได้ไม่มีข้ออ้างสำหรับการผัดวันประกันพรุ่ง! และถ้าหากเหนื่อยล้าจากการเรียน อย่าลืมให้เวลาพักผ่อนกับตัวเองสัก 10-15 นาที หรืออาจหาเวลาให้ตัวเองได้ผ่อนคลายโดยการฟังเพลงหรือทำกิจกรรมที่ชอบหลังจากการเรียนหนักมาทั้งวันหรือทั้งสัปดาห์ ในช่วงเริ่มแรกของทุกคนนั้นอาจจะยาก แต่เชื่อได้เลยว่าถ้าเรามีความตั้งใจที่แน่วแน่ บวกกับการลงมือทำ เราทุกคนจะสามารถไปถึงเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
5. ให้รางวัลกับตัวเอง (Reward yourself)
ในแต่ละครั้งที่เราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในสิ่งที่ยากหรือท้าทายกว่าปกติ ลองให้รางวัลเล็ก ๆ กับตัวเอง เพื่อสร้างแรงจูงใจภายนอกที่จะช่วยให้กำลังใจตัวเอง หรือตอบแทนความตั้งใจในระหว่างทางที่จะไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า ของรางวัลนี้อาจเป็นอะไรก็ได้ เช่น เค้กสัก 1 ชิ้น มื้อเย็นอร่อย ๆ หรือการออกไปชอปปิง วิธีการเหล่านี้นอกจากจะเป็นการให้รางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจแล้ว ยังเป็นอีกวิธีที่ทำให้เราได้ตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองอีกด้วย
จบไปแล้วกับ 5 วิธีที่สามารถเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ จาก EdusoftX แน่นอนว่าคำแนะนำเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางการส่งเสริมแรงจูงใจส่วนหนึ่งเท่านั้น เชื่อว่ายังมีวิธีการสร้างหรือเพิ่มแรงจูงใจการเรียนรู้ได้อีกหลายสิบหรือหลายร้อยวิธีที่เราจะสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ คนที่ได้เข้ามาอ่าน และขอให้ทุกคนหาวิธีการสร้างแรงจูงใจที่ใช่กับตนเองให้เจอรางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจแล้ว ยังเป็นอีกวิธีที่ทำให้เราได้ตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองอีกด้วย
สนใจเรียนภาษาอังกฤษสำหรับองค์กร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
📌Line: @edusoftxth
📌Tel: 02 241 6870
Share This :
Our resources